วิชาเนตร เป็นวิชานินจาที่ใช้ความสามารถของเนตรในการต่อสู้ ซึ่งที่ปรากฏมาในเรื่องที่เด่นๆมีอยู่สามเนตรด้วยกัน คือ เนตรวงแหวน เนตรสีขาว และเนตรสังสาระ เป็นแก้วตาชนิดพิเศษที่นินจาผู้ใช้วิชาเนตรจะมี เนตรแต่ละเนตรส่วนใหญ่มักจะเป็นการถ่ายทอดกันมาใน แต่ละตระกูล ซึ่งความสามารถของเนตรแต่ล่ะเนตรก็จะแตกต่างกันออกไป เช่น เนตรสีขาว สามารถมองเห็นเส้นวิถีพลังและจุดพลังต่างๆ บนร่างกาย และเนตรวงแหวน สามารถมองวิชาของคู่ต่อสู้แล้วก๊อปปี้นำกลับเป็นวิชา ของตัวเอง เป็นต้น
ตระกูล - อุจิวะ
ผู้ใช้ - ฮาตาเกะ คาคาชิ, อุจิวะ ซาสึเกะ , อุจิวะ โอบิโตะ , อุจิวะ อิทาจิ,โทบิ(อุจิวะ มาดาระ)
ระดับ : -
ระยะการโจมตี : -
เนตรวงแหวน หรือ ชารินงัน
เป็นขีดจำกัดสายเลือดของตระกูลอุจิวะ เป็นแก้วตาชนิดพิเศษอย่างหนึ่ง โดยมีความสามารถในการมองทะลุทั้งเก็นจัทสึ(ภาพลวง) ไทจัทสึ (กระบวนท่า) และนินจัทสึ (คาถานินจา)ได้ ในชั่วพริบตาและตอบโต้ได้ทันท่วงที นอกจากนี้ยังสามารถแยกแยะวิชาของฝ่ายตรงข้ามแล้วก๊อป ปี้มาใช้เองได้ เนตรวงแหวนยังมีความสามารถในการใช้เนตรสะกดจิต และ เดาการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ได้ล่วงอย่างแม่นยำ เนตรที่เหนือขึ้นไปอีกระดับหนึ่งของเนตรวงแหวน คือ เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา
เนตรวงแหวนจะสามารถเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้เบิกเนตร ต้องการปกป้องคนสำคัญ เนตรวงแหวนที่สมบูรณ์นั้นจะมีจุดลูกน้ำอยู่สามจุดที่ ตาทั้งสองข้าง การเบิกเนตรครั้งแรกไม่แน่นอนว่าจะมีลูกน้ำสามจุดเสมอไปขึ้นอยู่กับตัวผู้เบิกเนตร เช่น อุจิวะ ซาสึเกะ เบิกเนตรครั้งแรกมีลูกน้ำหนึ่งจุดข้างหนึ่งสองจุดข้างหนึ่ง ส่วน อุจิวะ โอบิโตะ มีลูกน้ำสองจุดทั้งสองข้างเลย
เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา เป็นเนตรวงที่มีความพิเศษขึ้นไปอีกจากเนตรวงแหวนเดิม ทรงอานุภาพขึ้นไปอีก และรูปลักษณ์เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาของใช้แต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป ปัจจุบันมีผู้เบิกเนตรนี้ได้อยู่สามคน คือ โทบิ(อุจิวะ มาดาระ) อุจิวะ อิทาจิ ฮาตาเกะ คาคาชิ (และอีกไม่นานซาสึเกะคงจะเบิกเนตรนี้ได้สำเร็จเช่นกัน) เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาคาดว่าน่าจะมีความสามาร ถในการใช้วิชาเนตรหลายอย่างและต่างกันออกไปขึ้นอยู่กันคุณสมบัติของผู้ใช้ ซึ่งที่เราเห็นกันแล้วก็คือ อ่านจันทรา เทวีสุริยา เปิดมิติ เป็นต้น เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นปุปผา จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อผู้เบิกเนตรต้องผ่านเงื่อนไขพิเศษอย่างหนึ่งก่อน นั่นก็คือ การฆ่าคนที่สนิทที่สุด หรือ คนที่รักที่สุด และจะต้องมีเนตรวงแหวนก่อน
อย่างไรก็ตามเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานั้น ถึงจะให้พลังที่มีอานุภาพสูงสุดแก่ผู้ใช้มันก็ตาม แต่สิ่งที่ผู้ใช้ต้องแลกเปลี่ยนนั้นก็สาหัสเช่นกัน นั่นก็คือ เมื่อผู้ใช้สามารถเบิกมันได้สำเร็จ มันจะค่อยๆนำพาผู้ใช้ไปสู่ความมืดมิด กระจกตาของหมื่ นบุปผาจะสูญเสียความสามารถในการรับแสง(ตาบอด) ยิ่งใช้มันมากเท่าไร่ มันจะยิ่งนำพาผู้ใช้ไปสู่ความมืดมิดเร็วขึ้นเท่านั้น แต่ก็ยังมีความเงื่อนไขสุดท้ายอยู่อีกเงื่อนไขหนึ่งท ี่จะทำให้ผู้ใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาไม่ต้อง ถูกนำพาสู่ความมืดมิด แต่ตรงกันข้ามด้วยเงื่อนไขนี้ จะทำให้ผู้ใช้ได้พลังที่มหาศาล พลังที่สามารถควบคุมได้แม้แต่จิ้งจอกเก้าหาง และได้รับแสงสว่างไปตลอดกาล เงื่อนไขที่ว่านั้นก็คือ ต้องฆ่าพี่น้องผู้ร่วมสายเลือดเดียวกัน แล้วแลกเปลี่ยนเนตรมาเป็นของตัวเอง และได้ให้กำเนิดวิชาเนตรใหม่ขึ้นมา พลังเนตรนั้นชื่อว่า เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผานิรันดร์
เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา คาถาอ่านจันทรา
อ่านจันทรา เป็นคาถาลวงตาที่ทรงอานุภาพที่สุดวิชาหนึง ผู้ที่ตกอยู่ภายใต้คาถานี้ จะถูกผู้ใช้ควบคุมไว้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเวลาหรือคว ามรู้สึก ซึ่งคาถานี้ อุจิวะ อิทาจิเคยใช้มาแล้วถึงสามครั้ง คือ ครั้งแรก หลังจากที่เขาได้ร่วมมือกับ อุจิวะ มาดาระสังหารหมู่ครอบครัวตระกูลอุจิวะ เขาได้ใช้กับอุจิวะ ซาสึเกะ น้องชายของเขาเอง โดยสร้างภาพเหตุการณ์ให้เห็นว่าเขาได้ลงมือสังหารคนใ นตระกูลอุจิวะยังไงบ้าง รวมถึงตอนสังหารพ่อและแม่ของตัวเองด้วย ครั้งที่สอง อิทาจิได้ใช้ตอนที่มาตามหาอุซึมากิ นารุโตะ ที่หมู่บ้านโคโนะฮะงาคุเระ พร้อมกับโฮชิกาคิ คิซาเมะ ซึ่งตอนนั้นเขาได้ใช้กับฮาตาเกะ คาคาชิ โดยคาคาชิที่ตกอยู่ภายใต้คาถาอ่านจันทรา มองเห็นเป็นภาพตัวเองโดนตรึงอยู่บนไม้กางเขน และตรงหน้าก็มีอิทาจิใช้มีดแทงมาที่ลำตัว หลังจากนั้นทั้งปริมาณเหตุการณ์ทั้งปริมาณความรู้สึก ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆและจะต้องโดนแทงแบบนี้ไปอีก72ช ั่วโมง เนื่องจากภายใต้คาถานี้ อิทาจิสามารถควบคุมได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ ปริมาณ และเวลา ซึ่งจริงๆแล้วเวลาที่แสนนานในนั้นเป็นเวลาเพียงแค่ชั ่วพริบตาเดียวเท่านั้นในโลกความเป็นจริง ครั้งที่สาม ที่อิทาจิใช้ก็คือตอนที่ตามนารุโตะไปโรงเตี๊ยมเพื่อจ ะชิงตัวนารุโตะจากจิไรยะแล้วเอาตัวไปแสงอุษาและในตอ นนั้นซาสึเกะก็ได้เข้ามาขวางแล้วบุกเข้าจู่โจมอิทาจิ ทันทีเพื่อหวังล้างแค้น แต่ก็มิอาจทำอะไรอิทาจิได้ อิทาจิจึงได้ใช้อ่านจันทราอีกครั้ง เหมือนที่เคยใช้กับซาสึเกะเมื่อหลายปีก่อน
เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา คาถาเทวีสุริยา
คาถาเทวีสุริยา เกิดจากการเบิกเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา เป็นการเรียกเปลวเพลิงสีดำ เปลวเพลิงสีดำที่สามารถเผาพลาญได้แม้กระทั่งเพลิงด้วยกันเอง "เทวีสุริยา" เมื่อผู้ใช้ ใช้เนตรมองไปยังเป้าหมาย พื้นที่นั้นจะถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิงสีดำ เปลวเพลิงสีดำนั้นจะทำลายทุกอย่างที่เนตรของผู้ใช้มองเห็น และเผาพลาญเป้าหมายจนกว่าจะไหม้สลายไป การจะหยุดเพลิงสีดำนั้น นอกจากต้องรอจนกว่า
เป้าหมายนั้นจะไหม้สลายไป หรือใช้คาถาผนึกเพลิงแล้ว(ซึ่งหาผู้ที่สามารถใช้ได้ค่อนข้างยาก) ก็มีแต่ผู้ใช้เองเท่านั้นที่จะสามารถ
หยุดเพลิงสีดำนั้นได้
ในตอนนั้นที่อิทาจิกับคิซาเมะ ตามนารุโตะและจิไรยะมาถึงโรงเตี๊ยม เขาได้ใช้คาถาสะกดให้ผู้หญิงล่อจิไรยะออกจากนารุโตะ เพื่อที่จะได้ชิงตัวนารุโตะไป แต่จิไรยะที่เป็นหนึ่งในสามนินจาในตำนานก็รู้ทันและไ ด้คลายมนต์สะกดผู้หญิงคนนั้น แล้วตามมาช่วยนารุโตะ ขณะเดียวกันซาสึเกะก็ตามมาทันเช่นกัน แล้วก็เข้าต่อสู้กับอิทาจิ จิไรยะนั้นต้องการถนอมน้ำใจซาสึเกะจึงได้ปล่อยซาสึเก ะสู้จนถึงที่สุด จนเมื่อซาสึเกะโดนอ่านจันทรา จิไรยะจึงได้ยื่นมือเข้าช่วย โดยใช้คาถาพันธนาการปากกบ เป็นการอันเชิญทางเดินอาหารของกบหินยักษ์ แห่ง ภูเขาเมียวโบคุ ซึ่งเท่ากับว่าทั้งอิทาจิและคิซาเมะได้ตกอยู่ในท้องข องจิไรยะแล้วนั้นเอง
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น อิทาจิจึงได้ตัดสินใจที่จะล่าถอยกลับไปก่อน แต่การจะทะลวงผ่านออกไปนั้นคงจะยาก เพราะยังไม่เคยมีใครหนีรอดออกไปจากคาถานี้ของจิไรยะ ได้ และในที่สุดอิทาจิก็ได้ใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุ ปผาอ ีกครั้ง โดยคราวนี้เขาใช้เทวีสุริยา เพื่อทะลวงทางเดินอาหารกบที่จิไรยะเรียกมา เทวีสุริยาเมื่อใช้แล้ว ณ ที่ตรงนั้นจะปรากฎเป็นเปลวเพลิงสีดำ
และอีกครั้งที่อิทาจิใช้คาถาเทวีสุริยา คือ ตอนสู้กับซาสึเกะ สถานที่หลบภัยของตระกูลอุจิวะ ในการต่อสู้ที่นี่อิทาจิได้ใช้คาถาอ่านจันทรา กับซาสึเกะ แต่ว่าก็ไม่อาจทำอะไรซาสึเกะได้ ในการปะทะกันด้วยคาถาเพลิงนั้น ขณะที่ซาสึเกะได้เปรียบและสามารถดันเพลิงของอิทาจิกับมาได้นั้น อิทาจิก็ได้ใช้คาถาเทวีสุริยาในที่สุด
ซาซูโนะ
วิชาซาซูโนะ เป็นวิชาที่สามและวิชาสุดท้ายที่อิทาจิได้จากการเบิกเนตรกระจกหมื่นบุปผา และเป็นวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของอิทาจิ นั่นก็ คือซาซูโนะ วิชานี้อิทาจิได้นำออกมาใช้ตอนที่สู้กับซาสึเกะ หลังจากสู้กันมาอย่างดุเดือด อิทาจิใช้ทั้งอ่านจันทราใช้ทั้งเทวีสุริยา แต่ซาสึเกะก็ยังสามารถที่จะเอาตัวรอดและตอบโต้ได้ จนถึงตอนท้ายของการต่อสู้ ซึ่งดูเหมือนว่าการต่อสู้จะจบลงด้วยชัยชนะอย่างเด็ดขาดของซาสึเกะเมื่อซาสึเกะได้ปล่อยท่าไม้ตาย"คิริน"เข้าใส่อิทาจิอย่างจัง แต่ทันใดนั้นเองทุกอย่างก็ต้องกลับกัน เมื่ออิทาจิยังสามารถลุกขึ้นยืนได้ออกละดูเหมือนว่าอิทาจิจะไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของซาสึเกะซักเท่าไหร่ นอกจากนั้นแล้วรอบตัวของอิทาจิยังมีกระแสจักระที่ก่อตัวเป็นรูปร่างเทพปีศาจ มือถือดาบและน้ำเต้า
เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา คาถาเปิดมิติ
การเบิกเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาของคาคาชิ ยังคงเป็นข้อสงสัยกันอยู่ว่าอาจจะสามารถเบิกเนตรได้โ ดยไม่ต้องฆ่าคนที่สนิทที่สุดหรือคนที่รักที่สุด ซึ่งวิชาเนตรที่คาคาชิใช้ในตอนที่ร่วมกับนารุโตะสู้ก ับเดอิดาระเพื่อชิงร่างของกาอาระกลับคืนมา คาคาชิได้ใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา เปิดมิติเพื่อให้ดูดเดอิดาระเข้าไปในอีกมิติหนึ่ง เนื่องจากคาคาชิยังควบคุมขนาดและตำแหน่งของมิติได้ไม ่คล่อง จึงทำได้เพียงแค่ดูดแขนของเดอิดาระไปเท่านั้น อย่างไรก็ตามเพียงแค่นั้นก็สามารถสร้างช่วงโหว่ให้นา รุโตะสามารถชิงร่างกาอาระกลับคืนมาได้ และอีกครั้งที่คาคาชิต้องใช้ คือ หลังจากที่ชิงร่างกาอาระกลับมา ขณะเดียวกันเมื่อทีมไกกลับมาสมทบกับทีมคาคาชิ เดอิดาระได้ตัดสินใจล่าถอยไปก่อน โดยใช้สร้างคาถาร่างแยกระเบิดกาย(ระเบิดพลีชีพร่างแยก) ในตอนนั้นคาคาชิจึงได้ใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุป ผา ผลักระเบิดของเดอิดาระเข้าไปยังอีกมิติหนึง ทำให้ทุกคนสามารถรอดชีวิตมาได้ในที่สุด(เนตรวงแหวนกร ะจกเงาหมื่นปุปผามีอานุภาพเหนือกว่าเนตรวงแหวนธรรมดา หลายเท่าจึงทำให้ผู้ใช้ได้รับผลกระทบไปด้วย)
ตระกูล : ฮิวงะ
ผู้ใช้ : ฮิวงะ เนจิ,ฮิวงะ ฮินาตะ,ฮิวงะ ฮิอาชิ,ฮิวงะ ฮานาบิ
ระดับ : -
ระยะการโจมตี : -
เนตรสีขาวหรือ เบียะกุงัน
เป็นขีดจำกัดสายเลือดของตระกูลฮิวงะ ที่เป็นหนึ่งในตระกูลเก่าแก่ที่สุดแห่งหมู่บ้านโคโนฮ ะงาคุเระ
และหากสืบย้อนขึ้นไปยังเป็นต้นตระกูลของตระกูลอุจิวะ อีกด้วย
เนตรสีขาวสามารถมองเห็นเส้นวิถีพลังและจุดพลังต่างๆบ นร่างกายที่มีกว่า 361 จุด ทำให้สามารถฝึกมวยอ่อนได้การโจมตีของมวยอ่อนจะเป็นกา รปล่อยจักระทางช่องจักระที่ฝ่ามือเข้าไปในร่างกายของ คู่ต่อสู้เป็นการสร้างความเสียหายให้แก่เส้นวิถีพลัง โดยตรง(หากฝึกจนเชี่ยวชาญจะสามารถปล่อยจักระได้จากทุ กช่องในร่างกาย) ผลจากการโจมตีจุดพลังจะทำให้การไหลเวียนของจักระของค ู่ต่อสู้หยุดชะงักหรือพอกพูนขึ้นจนไม่สามารถควบคุมได ้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ท่า เคลื่อนสวรรค์ซึ่งเป็นการปกป้องจุดอ่อนที่เป็นมุมอับ สายตาที่เนตรสีขาวไม่สามารถมองเห็น มวยอ่อนแปดทิศหกสิบสี่ฝ่ามือ และมวยอ่อนฝ่ามือว่างแปดทิศ เป็นต้น
ตระกูล : -
ผู้ใช้ : เพน(นางาโตะ)
ระดับ : -
ระยะการโจมตี : -
เนตรสังสาระ เป็นหนึ่งในสุดยอดเนตรทั้งสาม เนตรสังสาระนั้นถูกกล่าวถึงไว้ว่าเป็นการเดินทางเคลื่อนย้ายของวิณญาณ ซึ่งว่ากันว่า
เนตรนี้กำเนิดขึ้นมาได้เพราะ ฤาษี/นักปราญจ์ จากแค้วนทั้งหกคน ผู้นำของเหล่านินจาทั้งหลาย สามารถเบิกเนตรสังสาระได้สำเร็จ
และวิชานินจาทั้งหลายที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ล้วนมีต้นกำเนิดมาจากเนตรสังสาระทั้งสิ้น และในตอนนี้ผู้ที่มีเนตรสังสาระก็ คือ เพน
เพนซึ่งเป็นหัวหน้าของกลุ่มแสงอุษานั้น เขามีถึงหกร่างที่ใช้ในการต่อสู้ ซึ่งแต่ละร่างนั้นก็มีความสามารถต่างกันออกไป
เพนเรียกตัวเองว่า "เพนหกวิถี" ซึ่งประกอบไปด้วย
ฑูตแห่งพระเจ้า ฑูตแห่งอสูร ฑูตแห่งเดรัจฉาน ฑูตแห่งนรก ฑูตแห่งวิญญาณ และฑูตแห่งโลกมนุษย์
ความสามารถของเพนหกวิถี แยกออกมาเป็นดังนี้
- ร่างฑูตแห่งพระเจ้า มีความสามารถในการใช้จักระและวิชานินจาเกี่ยวกับฝน
- ร่างฑูตแห่งอสูร มีความสามารถในการกลายร่างคล้ายกับเทพอสูร และสามารถสร้างอาวุธโจมตีได้จากร่างกาย
- ร่างฑูตแห่งเดรัจฉาน มีความสามารถในการอันเชิญสัตว์เดรัจฉานที่ดุร้าย
- ร่างฑูตแห่งนรก มีความสามารถเสมือนดังยมบาลที่มาเพื่อมอบความหวาดกลัวและความตายจากนรก (ข้อมูลไม่ชัดเจน)
- ร่างฑูตแห่งวิญญาณ มีความสามารถในการดูดซับพลังจักระไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งเช่นวิญญาณที่หิวโหย
- ร่างฑูตแห่งโลกมนุษย์ มีความสามารถในการดึงวิญญาณออกจากร่าง
เมื่อมีเนตรนี้ผู้ใช้ก็จะสามารถเรียนรู้วิชานินจาได้ทั้งหมด นอกจากนั้นยังสามารถใช้วิชานินจาของทุกธาตุได้อย่างไม่มีข้อบกพร่อง
ดังนั้น ผู้ที่สามารถเบิกเนตรสังสาระนี้ได้ จึงถูกขนานว่าเป็นพระเจ้าแห่งการสร้าง ที่จะนำมาซึ่งความสงบสุขแก่โลก หรือ อาจจะเป็นพระเจ้าแห่งการทำลาย ที่จะมาทำให้โลกที่มีความวุ่นวายยุ่งเหยิง กลายเป็นผลธุลีเหลือแต่ความว่างเปล่า
โห๊ะๆ~เสร็จสักทีโคตรเหนื่อยเยย
[/size]